หน่วยโฆษณาแบนเนอร์จะแสดงโฆษณาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งจะอยู่ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของเลย์เอาต์แอป หน่วยโฆษณานี้จะรีเฟรชโดยอัตโนมัติหลังจากช่วงเวลาที่ตั้งไว้ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้จะเห็นโฆษณาใหม่อยู่เรื่อยๆ แม้ว่าจะดูหน้าจอเดิมในแอปก็ตาม และยังเป็นรูปแบบโฆษณาที่นำไปใช้งานได้ง่ายที่สุดอีกด้วย
หน่วยโฆษณาแบนเนอร์สามารถแสดงโฆษณาประเภทต่างๆ ได้แก่ แบบข้อความ รูปภาพ ริชมีเดีย และวิดีโอ โฆษณาวิดีโอที่ปรากฏในหน่วยโฆษณาแบนเนอร์จะเริ่มแบบปิดเสียงเสมอ ผู้ใช้เปิดเสียงโฆษณาโดยใช้ปุ่มปิดเสียงที่ Google มีให้ได้ หากต้องการ
หลักเกณฑ์เกี่ยวกับโฆษณาแบนเนอร์ของ AdMob
เมื่อคุณใช้งานหน่วยโฆษณาแบนเนอร์ในแอป อย่าลืมอ่านส่วนนโยบายในศูนย์ช่วยเหลือของ AdMob นอกจากนี้ยังสามารถดูหลักเกณฑ์การใช้งานโฆษณาแบนเนอร์และข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีใช้งานโฆษณาแบนเนอร์ที่เราไม่แนะนำ
ใช้แบนเนอร์แบบปรับขนาดได้เพื่อรับประสิทธิภาพสูงสุดจากการปรับขนาดโฆษณาให้เหมาะสมกับอุปกรณ์แต่ละประเภท แบนเนอร์แบบปรับขนาดได้มี 2 ประเภท ได้แก่
- แบนเนอร์ยึดตำแหน่งที่ปรับเปลี่ยนได้จะแสดงบนหน้าจอเสมอ โดยจะตรึงไว้ที่ด้านบนหรือด้านล่างของหน้าจอด้วยความสูงสูงสุดที่ค่อนข้างต่ำ
- แบนเนอร์แทรกในบรรทัดที่ปรับเปลี่ยนได้มีไว้เพื่อวางในเนื้อหาแบบเลื่อนได้และมีขนาดใหญ่กว่ามากเนื่องจากผู้ใช้มักจะเลื่อนผ่านไปได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้แบนเนอร์แบบปรับขนาดได้สําหรับ Android และ iOS และแบนเนอร์แทรกในบรรทัดที่ปรับเปลี่ยนได้ (Android, iOS)
ขั้นตอนต่อไปนี้จะช่วยคุณสร้างหน่วยโฆษณาใหม่ในบัญชี AdMob และนำไปติดตั้งในโค้ดของแอป คุณต้องทำตามขั้นตอนทั้งหมดจึงจะเริ่มแสดงโฆษณาในหน่วยโฆษณานี้ได้
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี AdMob ที่ https://apps.admob.com
- คลิกแอปในแถบด้านข้าง
- เลือกชื่อแอปที่ต้องการสร้างหน่วยโฆษณานี้ให้ หากไม่เห็นแอปในรายชื่อแอปล่าสุด ให้คลิกเพิ่มแอปเพื่อเพิ่มแอปใหม่ หรือคลิกดูแอปทั้งหมดเพื่อค้นหาจากรายชื่อแอปทั้งหมดที่คุณได้เพิ่มใน AdMob
- คลิกหน่วยโฆษณาในแถบด้านข้าง
- คลิกเริ่มต้นใช้งาน หากคุณสร้างหน่วยโฆษณาสำหรับแอปแล้ว ให้คลิกเพิ่มหน่วยโฆษณา
- คลิกเลือกรูปแบบโฆษณาแบนเนอร์
-
ป้อนชื่อหน่วยโฆษณา เคล็ดลับ: ใส่ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น รูปแบบโฆษณาและตำแหน่งในแอป เพื่อช่วยให้กลับมาหาในภายหลังได้ง่ายขึ้น
- (ไม่บังคับ) ตั้งค่าขั้นสูงให้หน่วยโฆษณานี้จนเสร็จสมบูรณ์
-
ประเภทโฆษณา: เลือกประเภทโฆษณาที่อนุญาตให้แสดงในหน่วยโฆษณานี้ คุณสามารถเลือกประเภทโฆษณาผสมผสานกันอย่างไรก็ได้โดยการทำเครื่องหมายในช่อง การเลือกไม่ทำเครื่องหมายในทุกช่องจะส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาด คุณต้องเลือกโฆษณาอย่างน้อย 1 ประเภทสำหรับหน่วยโฆษณาแต่ละหน่วย เคล็ดลับ: เราขอแนะนำให้เลือกทุกช่องเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ของหน่วยโฆษณานี้ให้ได้มากที่สุด
- การรีเฟรชอัตโนมัติ: กำหนดความถี่ในการสร้างคำขอโฆษณาใหม่สำหรับหน่วยโฆษณานี้ แนะนำ: เลือกเพิ่มประสิทธิภาพโดย Google เพื่อให้ AdMob จัดการอัตราการรีเฟรชให้ อัตราการรีเฟรชที่เพิ่มประสิทธิภาพโดย Google นี้คำนวณโดยใช้ข้อมูลประวัติของ AdMob เพื่อให้โฆษณาที่แสดงในหน่วยโฆษณารีเฟรชด้วยอัตราที่ดีที่สุดสำหรับโฆษณาแบนเนอร์ คุณสามารถกำหนดอัตราการรีเฟรชด้วยตนเองที่ 30-150 วินาที หรือปิดใช้อัตราการรีเฟรชอัตโนมัติไปเลยก็ได้
-
eCPM ขั้นต่ำ: คุณกำหนด eCPM ขั้นต่ำให้กับหน่วยโฆษณาแต่ละหน่วยที่สร้างได้ ซึ่งจะเป็นการสั่งเครือข่าย AdMob ไม่ให้แสดงโฆษณาไปยังหน่วยโฆษณาที่มีค่า eCPM ต่ำกว่าขั้นต่ำที่คุณกำหนดไว้ เลือกวิธีกำหนด eCPM ขั้นต่ำ ดังนี้
- เพิ่มประสิทธิภาพโดย Google: Google จะกำหนดราคาขั้นต่ำแบบไดนามิกโดยอิงตามสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของผู้ใช้ การเข้าชมของหน่วยโฆษณา และข้อมูลประวัติ การใช้ eCPM ขั้นต่ำที่เพิ่มประสิทธิภาพโดย Google จะช่วยเพิ่มรายได้รวมให้สูงสุด คุณสามารถเลือกวิธีที่จะให้ Google เพิ่มประสิทธิภาพ eCPM ขั้นต่ำจากวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้
- ค่าขั้นต่ำสูง (เบต้า): Google จะเพิ่มจำนวนโฆษณาที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด
- ค่าขั้นต่ำปานกลาง (เบต้า): Google จะหาสมดุลระหว่างโฆษณาที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดกับอัตราการส่งโฆษณา
- ราคาทั้งหมด: Google จะเพิ่มอัตราการส่งโฆษณาให้ได้สูงสุดในทุกจุดราคา
- ค่าขั้นต่ำที่กำหนดเอง: คุณจะกำหนดมูลค่า eCPM ขั้นต่ำให้กับหน่วยโฆษณาแต่ละหน่วยด้วยตัวเอง เครือข่าย AdMob จะไม่แสดงโฆษณาที่มี eCPM ต่ำกว่า eCPM ขั้นต่ำที่คุณกำหนดให้กับหน่วยโฆษณา
- ปิดใช้: ไม่มี eCPM ขั้นต่ำสําหรับหน่วยโฆษณานี้
หมายเหตุ: eCPM ขั้นต่ำนี้จะใช้กับเครือข่าย AdMob เท่านั้น โดยไม่ได้ส่งผลต่อเครือข่ายโฆษณาของบุคคลที่สามและเหตุการณ์ที่กำหนดเองซึ่งกำหนดค่าเป็นแหล่งที่มาของโฆษณาในกลุ่มสื่อกลาง - เพิ่มประสิทธิภาพโดย Google: Google จะกำหนดราคาขั้นต่ำแบบไดนามิกโดยอิงตามสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของผู้ใช้ การเข้าชมของหน่วยโฆษณา และข้อมูลประวัติ การใช้ eCPM ขั้นต่ำที่เพิ่มประสิทธิภาพโดย Google จะช่วยเพิ่มรายได้รวมให้สูงสุด คุณสามารถเลือกวิธีที่จะให้ Google เพิ่มประสิทธิภาพ eCPM ขั้นต่ำจากวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้
-
(ไม่บังคับ) ค่าขั้นต่ำแบบเจาะจงประเทศ: หากคุณเลือกค่าขั้นต่ำที่กำหนดเองเป็น eCPM ขั้นต่ำในขั้นตอนก่อนหน้านี้ ให้คลิกเพิ่มค่าขั้นต่ำแบบเจาะจงประเทศเพื่อเพิ่ม eCPM ขั้นต่ำแบบเจาะจงประเทศให้กับหน่วยโฆษณานี้ eCPM ขั้นต่ำแบบเจาะจงประเทศจะลบล้างค่า eCPM ทั่วไปของหน่วยโฆษณานี้เฉพาะเมื่อมีคำขอโฆษณามาจากประเทศที่เลือก
- เลือกประเทศที่ต้องการตั้งค่าขั้นต่ำแบบเจาะจง ระบบจะเพิ่มค่าขั้นต่ำลงในรายการของประเทศที่เลือก คุณอาจเลือกทั้งภูมิภาค หรือขยายแต่ละเขตพื้นที่เพื่อดูแต่ละประเทศภายในภูมิภาคก็ได้
- คลิกแก้ไขข้างประเทศหรือภูมิภาคที่เลือก และป้อนค่า eCPM ขั้นต่ำ
- คลิกตั้งค่าเพื่อบันทึกค่า eCPM
- ทําขั้นตอนเหล่านี้ซ้ำตามที่จําเป็น
-
- คลิกสร้างหน่วยโฆษณา
- ทําตามวิธีการใน Google Developers สําหรับ Android, iOS หรือ Unity เพื่อติดตั้งใช้งานหน่วยโฆษณาแบนเนอร์ในโค้ดของแอป คุณจะต้องระบุรหัสแอปและรหัสหน่วยโฆษณาในระหว่างการติดตั้งใช้งาน
หน่วยโฆษณานี้จะไม่แสดงโฆษณาจนกว่าคุณจะทำขั้นตอนนี้ หากยังไม่พร้อมที่จะติดตั้งหน่วยโฆษณา ให้คลิกส่งอีเมลเพื่อส่งวิธีการทางอีเมล หรือคลิกเสร็จสิ้นเพื่อออกจากหน้า