เอกสารนี้สรุปกระบวนการวัดการแสดงผลที่ Google Ad Manager ใช้ สำหรับแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของเอกสารนี้ โปรดดูหลักเกณฑ์การวัดการแสดงโฆษณาของ IAB
- การวัดการแสดงผล
- การตั้งเวลาโฆษณาและขั้นตอนการแสดงโฆษณา
- การตรวจหาการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องและวิธีการกรอง
- การรายงานข้อมูล
การวัดการแสดงผล
การสุ่มตัวอย่าง
กระบวนการวัดการแสดงผลจะพิจารณาจากข้อมูลทั้งหมด ไม่ใช่การสุ่มตัวอย่าง ดังนั้นจึงไม่มีการประเมินข้อมูลโดยรวมหรือการคาดการณ์ทางสถิติของข้อมูลแต่อย่างใด โดยวิธีการวัดผลนั้นขึ้นอยู่กับกิจกรรมการแสดงผลทั้งหมดที่บันทึกไว้ (ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนการกรอง)
เมตริก
Ad Manager สร้างเมตริกผู้ชมตามการแสดงโฆษณา Display (แบนเนอร์), จำนวนคลิกและอัตราการคลิกผ่าน ซึ่งแบ่งออกเป็นเครือข่าย ผู้ลงโฆษณา พนักงานขาย ครีเอทีฟโฆษณา หน่วยโฆษณา ตำแหน่งโฆษณา วันที่และชั่วโมงของวัน อย่างไรก็ตาม เอกสารฉบับนี้มุ่งเน้นที่การวัดและการรายงานการแสดงโฆษณา
เทคนิคการใช้งานที่เริ่มต้นโดยไคลเอ็นต์
คำขอโฆษณาที่ทำให้เกิดการแสดงผลนั้นเริ่มต้นจากคำขอ HTTP
ที่สร้างขึ้นโดยแท็ก <script>
ซึ่งรวมไว้ในเนื้อหาของหน้านั้นและมีการแสดงผลเมื่อเบราว์เซอร์ดำเนินการตามคำขอ โปรดทราบว่าในการแสดงโฆษณาแต่ละครั้ง คุณต้องเพิ่มการเรียก googletag.defineSlot
ของ JavaScript โดยทุกครั้งที่เบราว์เซอร์เรียกใช้ googletag.display
จะมีการส่งคำขอ HTTP
แยกต่างหากไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อดึงโฆษณา
ดูตัวอย่างแท็กผู้เผยแพร่โฆษณาผ่าน Google
การตอบสนองที่ทำให้เกิดการวัดการแสดงโฆษณา
แท็กโฆษณาของ JavaScript GA_googleFillSlot
จะส่งคำขอ HTTP ไปยังเซิร์ฟเวอร์โฆษณา ซึ่งจะเลือกโฆษณา จากนั้นจะส่งรหัสเซิร์ฟเวอร์ "200" และเนื้อหา JavaScript ที่นำเบราว์เซอร์ไปยังเนื้อหาโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นครีเอทีฟโฆษณาที่โฮสต์ไว้กับ Google หรือแท็กโฆษณาของบุคคลที่สาม การนับจะเริ่มขึ้นเมื่อเซิร์ฟเวอร์โฆษณาทำงานตามการเรียกโฆษณาและแสดงเนื้อหาโฆษณา ในการใช้งานนี้ การวัดจะเกิดขึ้นตามเซิร์ฟเวอร์โฆษณาที่เลือกและแสดงเนื้อหาโฆษณา ก่อนที่จะมีการแสดงโฆษณาไปยังผู้ใช้
ข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับทริกเกอร์การวัดบางอย่างที่นำไปใช้งาน
- Ad Manager บันทึกการแสดงโฆษณาเมื่อเซิร์ฟเวอร์โฆษณา Ad Manager ได้รับคำขอโฆษณาจากเบราว์เซอร์และเลือกโฆษณา ก่อนแสดงเนื้อหาโฆษณาที่เลือก ในบางสถานการณ์ กระบวนการดังกล่าวอาจทำให้เกิดบันทึกมากกว่าที่จำเป็นหากผู้ใช้ออกจากหน้าเว็บหลังจากมีการใช้งานแท็กโฆษณาของ Ad Manager และมีการนับจำนวนครั้งของการแสดงผล ก่อนแสดงเนื้อหาโฆษณาที่เลือก
- ตัวบล็อกป๊อปอัปอาจบล็อกไม่ให้แสดงโฆษณาผ่านโฆษณาป๊อปอัปหรือป๊อปอันเดอร์ (ซึ่งเรียกรวมกันว่าป๊อปอัป) เมื่อผู้เผยแพร่โฆษณาใช้แท็กโฆษณา Ad Manager ได้อย่างถูกต้อง ตัวบล็อกป๊อปอัปซึ่งจะป้องกันไม่ให้แสดงหน้าต่างป๊อปอัปจะบล็อกคำขอแท็กโฆษณาดังกล่าว (ซึ่งแท็กนี้เป็นเครื่องมือสำหรับวัดจำนวนครั้งของการแสดงโฆษณาด้วย) ดังนั้นจะไม่มีการบันทึกการแสดงโฆษณา อย่างไรก็ตามจะมีการบันทึกการแสดงผลหากครีเอทีฟโฆษณาเปิดป๊อปอัป แม้ว่าตัวบล็อกป๊อปอัปอาจทำการบล็อกหลังจากนั้นก็ตาม
การติดตามเป็นกลุ่ม
เราไม่รองรับการโหลดโฆษณาเป็นกลุ่ม การโหลดโฆษณาแต่ละรายการจะบันทึกแยกกัน
เทคนิคการป้องกันแคช
Ad Manager จะใส่หมายเลขแบบสุ่มไว้ใน URL การเรียกที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์โฆษณาผ่านการใช้ฟังก์ชัน JavaScript โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะจำกัดการแคชแท็กโฆษณา Ad Manager นอกจากนี้ Ad Manager ยังรองรับการแทรกมาโครป้องกันการแคช (หมายเลขสุ่มเพื่อทำให้ URL ไม่ซ้ำกัน) สำหรับโฆษณาที่แสดงโดยเซิร์ฟเวอร์โฆษณาบุคคลที่สาม ทั้งนี้ผู้เผยแพร่โฆษณาต้องติดแท็กหน่วยโฆษณาให้ถูกต้อง
วิธีบันทึก
- Google ใช้เซิร์ฟเวอร์โฆษณาหลายตัวเพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างเพียงพอ โดยแต่ละเซิร์ฟเวอร์จะจัดเก็บไฟล์บันทึกที่ได้รับการประมวลผลจากส่วนกลางอย่างต่อเนื่อง กระบวนการอัตโนมัติจะเริ่มขึ้นหลังจากการประมวลผลลัพธ์ประจำวันเพื่อให้มั่นใจว่าไฟล์บันทึกทั้งหมดได้ผ่านการประมวลผลแล้ว ในกรณีที่มีกิจกรรมที่ผิดปกติหรือข้อผิดพลาด ระบบอาจมีการแจ้งเตือนและต้องใช้เวลาตรวจสอบ และอาจมีความล่าช้านานถึง 4 ชั่วโมงก่อนที่จะประมวลผลไฟล์บันทึกและบันทึกสถิติสำหรับการแสดงโฆษณา
- ต่อไปนี้เป็นคำอธิบายสำหรับบางรายการที่บันทึกไว้และการนำไปใช้ในการดำเนินการ
- ที่อยู่ IP: ที่อยู่ Internet Protocol (IP) จะเป็นตัวแทนที่อยู่ของผู้ใช้ที่ส่งคำขอ ซึ่งจะนำมาใช้ในขั้นตอนการกรอง รวมถึงการระบุและการนำการเข้าชมที่ไม่ได้เกิดจากมนุษย์และอยู่ภายใน Google ออก
- User Agent: User Agent เป็นสตริงข้อความที่เบราว์เซอร์ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อให้ข้อมูลการระบุบางอย่างเกี่ยวกับเบราว์เซอร์ ซึ่งจะนำมาใช้ในขั้นตอนการกรอง โดยส่วนใหญ่จะใช้เพื่อระบุหรือนำการเข้าชมที่ไม่ได้เกิดจากมนุษย์ออก
- วันที่/เวลา: วันที่และเวลาที่เซิร์ฟเวอร์โฆษณา Ad Manager บันทึกคำขอ
- เนื้อหาโฆษณา: ข้อมูลการระบุที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เซิร์ฟเวอร์โฆษณา Ad Manager เลือก
- ผู้เผยแพร่โฆษณา: ระบุเว็บไซต์ของผู้เผยแพร่โฆษณาที่เกี่ยวข้องซึ่งเรียกใช้การลงโฆษณา
- หน่วยโฆษณา: ระบุตำแหน่งโฆษณาสำหรับวางในเว็บไซต์ของผู้เผยแพร่โฆษณา โดยหน่วยโฆษณาหนึ่งอาจมีรายการโฆษณาที่เกี่ยวข้องหนึ่งหรือหลายรายการก็ได้
- รายการโฆษณา: ระบุแคมเปญ/ครีเอทีฟโฆษณาของลูกค้าแต่ละราย
ข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับการวัด
- ตัวบล็อกป๊อปอัป: ตัวบล็อกป๊อปอัปอาจบล็อกไม่ให้แสดงโฆษณาผ่านโฆษณาป๊อปอัปหรือป๊อปอันเดอร์ (ซึ่งเรียกรวมกันว่าป๊อปอัป) เมื่อผู้เผยแพร่โฆษณาใช้แท็กโฆษณา Ad Manager ได้อย่างถูกต้อง ตัวบล็อกป๊อปอัปซึ่งจะป้องกันไม่ให้แสดงหน้าต่างป๊อปอัปจะบล็อกคำขอแท็กโฆษณาดังกล่าว (ซึ่งแท็กนี้เป็นเครื่องมือสำหรับวัดจำนวนครั้งของการแสดงโฆษณาด้วย) ดังนั้นจะไม่มีการบันทึกการแสดงโฆษณา
- มีการปิดใช้งาน JavaScript หรือเบราว์เซอร์ทำงานไม่ได้: เบราว์เซอร์และอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ PC รุ่นเก่าบางรุ่นอาจไม่รองรับ JavaScript และผู้ใช้อาจปิดใช้งานฟังก์ชัน JavaScript ในเบราว์เซอร์รุ่นใหม่ซึ่งทำให้เรียกใช้โปรแกรมและสคริปต์ JavaScript ไม่ได้ การใช้งาน Ad Manager ที่ถูกต้องจะใช้ฟังก์ชันของ JavaScript ในการสร้างแท็กโฆษณา เบราว์เซอร์ที่เรียกใช้ JavaScript ไม่ได้จะไม่สร้างการเรียกโฆษณา ผลที่ตามมาก็คือไม่มีการโต้ตอบกับเซิร์ฟเวอร์โฆษณา Ad Manager (จะไม่มีการแสดงโฆษณาหรือการนับการแสดงผล)
- ซอฟต์แวร์บล็อกโฆษณา: เบราว์เซอร์หรือเครื่องมือบางอย่างช่วยให้ผู้ใช้บล็อกเนื้อหา (รวมถึงโฆษณา) ได้โดยอิงตามโดเมนของเนื้อหาที่ได้รับคำขอ ซึ่งอาจรวมถึงการบล็อกรูปภาพจากโดเมนที่กำหนด หรือการยกเว้นคำขอใดๆ ที่มาจากโดเมนที่ระบุ เทคนิคหรือซอฟต์แวร์บล็อกโฆษณาที่ปิดกั้นคำขอที่ส่งไปยังโดเมน Ad Manager อาจไม่ส่งผลกระทบต่อการวัดการแสดงผล เนื่องจากสถานการณ์นี้อาจปิดกั้นทั้งคำขอโฆษณาและการวัด จึงทำให้การวัดจำนวนการแสดงผลแม่นยำโดยมีค่าเป็น 0 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ซอฟต์แวร์บล็อกโฆษณาที่บล็อกรูปภาพหรือเนื้อหาจากเซิร์ฟเวอร์ครีเอทีฟโฆษณาที่ไม่ใช่เซิร์ฟเวอร์โฆษณาของ Ad Manager อาจทำให้เกิดการบันทึกการแสดงผลมากเกินจริง หากมีการดำเนินการและนับคำขอโฆษณานั้นไปแล้ว แต่เบราว์เซอร์ปิดกั้นการแสดงครีเอทีฟโฆษณาดังกล่าวในภายหลัง นอกจากนี้ผู้ใช้อาจกำหนดค่าเครื่องมือการบล็อกโฆษณาบางรายการเพื่อบล็อกเนื้อหาตามขนาดของรูปภาพได้ด้วย ซอฟต์แวร์จะเปรียบเทียบขนาดของรูปภาพ/ครีเอทีฟโฆษณาเพื่อตั้งค่าพารามิเตอร์ของตัวกรองและหากขนาดตรงกับพารามิเตอร์ ระบบจะบล็อกรูปภาพนั้นซึ่งอาจทำให้เกิดจำนวนการแสดงผลที่มากเกินจริง
- มีการปิดการแสดงรูปภาพ: ผู้ใช้มีตัวเลือกเพื่อปิดการแสดงรูปภาพในเบราว์เซอร์ของตน ในกรณีที่มีการปิด เบราว์เซอร์ของผู้ใช้จะไม่ขอรูปภาพจากเซิร์ฟเวอร์ครีเอทีฟโฆษณา ดังนั้น ผู้ใช้ในกรณีนี้จึงไม่เห็นครีเอทีฟโฆษณา (รูปแบบภาพมาตรฐาน) แต่เบราว์เซอร์ของผู้ใช้อาจยังแสดงโฆษณาริชมีเดียแบบคอนเทนต์ อย่างไรก็ตาม เบราว์เซอร์ของผู้ใช้อาจยังคงส่งคำขอเบื้องต้นไปยังเซิร์ฟเวอร์โฆษณา Ad Manager ซึ่งอาจส่งผลให้มีการนับการแสดงครีเอทีฟโฆษณาแบบภาพนิ่งมากเกินไป เนื่องจากระบบจะนับการนับการแสดงโฆษณาเมื่อได้รับคำขอ ก่อนจะแสดงโฆษณาไปยังเบราว์เซอร์
- การรีเฟรชอัตโนมัติ: ทุกครั้งที่รีเฟรชหน้าเว็บ จะมีการส่งคำขอใหม่ไปยังเซิร์ฟเวอร์โฆษณา และมีการนับการแสดงผลเพิ่มมากขึ้น
- ข้อจำกัดอื่นๆ: นอกเหนือจากข้อจำกัดในการวัดที่ระบุไว้ข้างต้น รายการบันทึกบางรายการอาจเสียหาย หรือมิเช่นนั้นก็ไม่สามารถใช้ในการบวกสะสมจำนวนการแสดงโฆษณาได้
การตั้งเวลาโฆษณาและขั้นตอนการแสดงโฆษณา
ดูระยะเวลาการอัปเดตของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ใน Ad Manager
การตรวจหาการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องและวิธีการกรอง
Google พยายามระบุและกรองการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องทั้งแบบทั่วไปและซับซ้อนออกโดยใช้ตัวระบุ กิจกรรม และรูปแบบโดยพิจารณาจากข้อมูลเป็นหลัก แม้ว่าในปัจจุบัน Google จะรับรองได้แค่การกรองการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องแบบทั่วไปใน Ad Manager เท่านั้น การดำเนินการดังกล่าวรวมถึงการเข้าชมที่ไม่ได้เกิดจากมนุษย์และการฉ้อโกงเกี่ยวกับการเข้าชมที่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้เผยแพร่โฆษณา ผู้ลงโฆษณา หรือตัวแทนที่เกี่ยวข้องไม่ทราบถึงตัวตนและเจตนาของผู้ใช้ได้เสมอไป จึงมีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถระบุและแยกการเข้าชมทั้งหมดที่ไม่ถูกต้องออกจากผลลัพธ์ที่รายงานได้ในเชิงรุก ดังนั้น เพื่อปกป้องขั้นตอนการกรองการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องไม่ให้ถูกบุกรุกหรือทำวิศวกรรมย้อนกลับ เราจะไม่เปิดเผยรายละเอียดของขั้นตอนการกรองที่นอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในหลักเกณฑ์การวัดการแสดงโฆษณา ยกเว้นการเปิดเผยต่อผู้ตรวจสอบในกระบวนการตรวจสอบเท่านั้น
- บันทึกโฆษณา: บันทึกโฆษณา Ad Manager มีไว้เพื่อระบุกิจกรรมที่ไม่ถูกต้องและการเข้าชมที่ไม่ได้เกิดจากมนุษย์ผ่านทางขั้นตอนการกรองเพื่อสร้างไฟล์การแสดงโฆษณาแบบรวม
- กิจกรรมที่ไม่ถูกต้อง: ในระหว่างขั้นตอนการกรอง ระบบจะนำรายการบันทึกบางรายการออกจากบันทึกเนื่องจากแสดงถึงสถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้งานได้ เช่น รายการที่เซิร์ฟเวอร์ไม่เข้าใจคำขอ จึงกำหนดสถานะรหัสข้อผิดพลาดให้แก่คำขอนั้น นอกจากนี้ยังนำรายการบันทึกที่ไม่สมบูรณ์หรือเสียหายออกด้วย ในการดำเนินการของ Google จะต้องมีช่องบางช่องอยู่ในคำขอ โดยที่ช่องนั้นต้องมีข้อมูลสมบูรณ์และถูกต้อง หากช่องใดช่องหนึ่งหายไปหรือไม่ถูกต้อง ระบบจะปฏิเสธรายการบันทึกนั้น
- การแสดงผลแบบตั้งแต่เริ่มโฆษณาและไม่ทำงาน: การแสดงผล (ผ่านวิธีการนับแบบตั้งแต่เริ่มโฆษณาจนถึงแสดงผล) ที่ถือว่าไม่ทำงานตามที่กำหนดโดยการแสดงในอุปกรณ์ที่ได้รับคำขอโฆษณาหรือคำขอราคาเสนออย่างต่อเนื่องเป็นเซสชันหนึ่งๆ ที่มีระยะเวลามากกว่า 16 ชั่วโมงโดยไม่มีเหตุการณ์ "รีเซ็ต" ระบบจะรีเซ็ตเซสชันทุกวันในเวลา 5:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น และเมื่ออุปกรณ์ไม่ได้รับคําขอเป็นเวลานานกว่า 30 นาที นอกจากนี้เซสชันยังได้รับการรีเซ็ตด้วยคําสั่ง ping จากการโต้ตอบกับ VAST (เช่น หยุดชั่วคราว ปิดเสียง เปิดเสียง เปลี่ยนแปลงระดับเสียง) อีกด้วย ปัจจุบันระบบจะวัดข้อมูล "ไม่มีการใช้งาน" สำหรับ CTV เท่านั้น
- การเข้าชมที่ไม่ได้เกิดจากมนุษย์: การเข้าชมที่ไม่ได้เกิดจากมนุษย์ ซึ่งรวมถึงโรบ็อต สไปเดอร์ ตัวแทน และ Crawler (เรียกรวมกันว่าโรบ็อต) แสดงถึงกิจกรรมแบบเป็นโปรแกรมบนเว็บไซต์ กิจกรรมนี้จะประกอบด้วยโปรแกรมที่ส่งคำขอสำหรับหน้าเว็บบนเว็บไซต์และติดตามลิงก์บนหน้าหนึ่งไปยังอีกหน้าหนึ่งซ้ำๆ กันภายในเว็บไซต์ รวมถึงลิงก์ไปยังเซิร์ฟเวอร์โฆษณาในหลายกรณี กิจกรรมนี้อาจรวมถึงเครื่องมือการตรวจสอบระบบที่ออกแบบมาเพื่อตรวจสอบว่าเว็บไซต์ทำงานอย่างถูกต้อง และกระบวนการทำดัชนีเนื้อหาหรือการดึงข้อมูล เช่น กระบวนการที่เครื่องมือค้นหาใช้ในการป้อนข้อมูลในฐานข้อมูล เมื่อเบราว์เซอร์ของผู้ใช้หรือโรบ็อตส่งคำขอเนื้อหาจากเซิร์ฟเวอร์ ก็มักจะให้ข้อมูลบางอย่างไปยังเว็บเซิร์ฟเวอร์นอกเหนือไปจากคำขอที่เจาะจงนั้นด้วย เช่น ที่อยู่ IP และ User Agent โดยที่ User Agent มักจะแจ้งข้อมูลบางประเภทไปยังเว็บเซิร์ฟเวอร์ เช่น ประเภทของเบราว์เซอร์ (Internet Explorer, FireFox, Safari, Netscape, Opera เป็นต้น) เวอร์ชันของเบราว์เซอร์ ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ ฯลฯ และอาจมีข้อมูลที่ระบุตนเองไปยังเซิร์ฟเวอร์ด้วย ข้อมูลดังกล่าวจะนำมาใช้เพื่อกรองการเข้าชมที่ไม่ได้เกิดจากมนุษย์ออก
- คุณสมบัติของพาร์ทเนอร์ธุรกิจ: ลูกค้าทั้งหมดที่ใช้บริการ Ad Manager ต้องปฏิบัติตามนโยบายโปรแกรมแพลตฟอร์มของเรา ซึ่งระบุว่าพาร์ทเนอร์ต้องไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่ไม่ถูกต้อง อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ในส่วน "กิจกรรมที่ไม่ถูกต้อง" Google กรองหาการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง และจะตรวจสอบพาร์ทเนอร์ธุรกิจที่ได้รับการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องปริมาณมาก เราอาจระงับหรือปิดบัญชีของพาร์ทเนอร์ที่ได้รับการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง
-
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกรองมีดังนี้
- แหล่งที่ใช้ในการระบุกิจกรรมที่ไม่ได้เกิดจากมนุษย์: Google ใช้รายการสไปเดอร์และโรบ็อตนานาชาติของ IAB/ABCe เป็นตัวกรองเพิ่มเติมโดยอิงจากกิจกรรมที่ผ่านมาของโรบ็อต และจะใช้ไฟล์การยกเว้นจากรายชื่อโรบ็อตของ IAB ร่วมด้วย
- ขั้นตอนการกรองตามกิจกรรม: การระบุที่อิงตามกิจกรรมเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์รูปแบบบางประเภท โดยจะมองหาลักษณะของกิจกรรมที่มีแนวโน้มว่าจะระบุการเข้าชมที่ไม่ได้เกิดจากมนุษย์ได้ ทีมดูแลคุณภาพการเข้าชมโฆษณาของ Google มีระบบที่จัดเตรียมไว้เพื่อพิจารณากิจกรรมที่น่าสงสัย และดำเนินการกรองตามกิจกรรมอย่างเหมาะสม
- ดำเนินการกรองทั้งหมดในเชิงรับหลังจากทราบข้อเท็จจริง: ระบบจะจัดเตรียมคำขอให้แก่ผู้ใช้ (เบราว์เซอร์ โรบ็อต ฯลฯ) โดยไม่มีการระบุว่าการเข้าชมของผู้ใช้ได้รับการทำเครื่องหมายกำกับ หรือมีการกรองหรือนำออก เนื่องจาก Google ไม่ต้องการชี้แนะ User Agent ว่ากิจกรรมของผู้ใช้ได้ทริกเกอร์กลไกการกรองใดๆ ของ Google ในบางกรณี เราจะใช้การบล็อกฟรอนท์เอนด์ด้วยเมื่อมีแนวโน้มว่าคำขอโฆษณาที่ได้รับอาจทำให้เกิดกิจกรรมที่ไม่ถูกต้อง แต่ในอดีต มีการบล็อกคำขอโฆษณาน้อยกว่า 0.5% สำหรับการดูแลการแสดงโฆษณาแบบมีการจอง
- การรีเฟรชอัตโนมัติ: การรีเฟรชหน้าโดยอัตโนมัติจะใช้โค้ดโปรแกรมแบบ HTML เพื่อโหลดเบราว์เซอร์ของผู้ใช้อีกครั้งโดยอัตโนมัติด้วยหน้าเว็บที่อัปเดตหลังจากช่วงเวลาที่ระบุไว้ รวมถึงการแสดงโฆษณาใหม่ Google ไม่ได้ควบคุมการรีเฟรชอัตโนมัติที่มาจากเว็บไซต์ของผู้เผยแพร่โฆษณาโดยตรง และไม่สามารถรับรองได้ว่าผู้เผยแพร่โฆษณาได้รายงานและเปิดเผยการใช้การรีเฟรชอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์แล้วหรือยัง อย่างไรก็ตาม Google มีกลไกที่ใช้ตรวจสอบและแยกส่วนการเข้าชมที่มีการรีเฟรชอัตโนมัติในเชิงรุกสำหรับการตรวจสอบภายในอยู่แล้ว
- ความถี่ในการกรอง: มีการกรองการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบประมวลผลข้อมูลการรายงาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลำดับเวลาในการประมวลผลรายงาน
-
การอัปเดตระบบการกรอง: Google อัปเดตระบบการกรองการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีการอัปเดตขั้นตอนการกรอง จะมีการวิเคราะห์เพื่อระบุแคมเปญที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก Google จะดำเนินการในเชิงรุกตามความเหมาะสมเพื่อแจ้งให้ลูกค้าที่มีแคมเปญที่ได้รับผลกระทบอย่างมากทราบ และเมื่อการแจ้งเตือนดังกล่าวจะไม่สนับสนุนให้เกิดการทำวิศวกรรมย้อนกลับกับขั้นตอนการกรองการเข้าชม
-
การเข้าชมที่สร้างขึ้นภายใน: มีการนำกระบวนการต่างๆ มาใช้เพื่อนำกิจกรรมออกจากที่อยู่ IP ภายในของ Google
อัตราการตัดสินใจสำหรับการดูแลการแสดงโฆษณาที่มีการจองของ Ad Manager คือ 100% (อิงตามข้อมูลตัวอย่างที่ตรวจสอบแล้ว)
การรายงานข้อมูล
- Google จะรายงานการแสดงโฆษณาไปยัง Ad Manager ผ่านแอปพลิเคชันการรายงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ที่เข้าถึงได้ผ่าน Ad Manager
- เมตริกผู้ชมที่รายงานประกอบด้วยการแสดงผลโฆษณา จำนวนคลิก และอัตราการคลิกผ่าน โดยจะมีเมตริกดังกล่าวในด้านต่างๆ ได้แก่ เครือข่าย ผู้ลงโฆษณา พนักงานขาย ครีเอทีฟโฆษณา หน่วยโฆษณา ตำแหน่งโฆษณา วันที่และชั่วโมงของวัน Ad Manager จะรายงานเมตริกกลุ่มเป้าหมายในลักษณะต่างๆ (เช่น ลำดับตามวันที่ และชั่วโมงในระหว่างวันและครีเอทีฟโฆษณาตามวันที่) ทั้งนี้ ไม่มีการนำกระบวนการประเมิน/การคำนวณอย่างคร่าวๆ มาใช้ในการรายงานข้อมูลแต่อย่างใด
- โดยทั่วไปแล้ว จะเสนอรายงานตามเขตเวลาที่ผู้เผยแพร่โฆษณากำหนดไว้
- Ad Manager จะรวบรวมสถิติอย่างต่อเนื่อง แม้อาจมีความล่าช้าได้ถึง 4 ชั่วโมงก่อนที่ข้อมูลจะแสดงในรายงาน เราจะหยุดเก็บสถิติของเดือนก่อนหน้าชั่วคราวในเวลาประมาณ 3:00 น. ตามเวลาแปซิฟิก ในวันที่ 1 ของทุกๆ เดือน
-
กระบวนการรับประกันคุณภาพก่อนการแสดงโฆษณา
- ขั้นตอนของ Google ประกอบด้วยโปรโตคอลคำขอการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการและระบบการติดตาม เมื่อใดก็ตามที่มีคำขอการเปลี่ยนแปลง ต้องป้อนคำขอนั้นไว้ในเครื่องมือติดตามการจัดการการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะบันทึกการอนุมัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษรด้วย จากนั้นจะทำการเปลี่ยนแปลงและทดสอบโดยใช้เครื่องมือทดสอบอัตโนมัติหรือการทดสอบด้วยตนเอง (การทำ Unit Test) ตามที่จำเป็นซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะของการเปลี่ยนแปลงนั้น เมื่อการทำ Unit Test ทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ จะมีการสร้างบิลด์ที่มีการเปลี่ยนแปลงล่าสุดทั้งหมด ซึ่งได้ทดสอบในสภาพแวดล้อมการทดสอบแบบคู่ขนานแล้ว เมื่อทดสอบบิลด์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงนำการเปลี่ยนแปลงนี้ไปใช้งานจริง
- จะมีการนำระบบควบคุมการเข้าถึงมาใช้เพื่อควบคุมการเข้าถึงระบบต่างๆ และดูแลให้มีเพียงบุคลากรที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่อนุมัติการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมและระบบได้ รวมถึงการย้ายข้อมูลเข้าสู่สภาพแวดล้อมการใช้งานจริง Google ยังคงรักษากระบวนการอย่างเป็นทางการในการให้อนุญาตหรือสิ้นสุดการเข้าถึงของผู้ใช้ในสภาพแวดล้อม Ad Manager ไว้ภายใต้การควบคุมของ Google นอกจากนี้จะมีการดำเนินการตรวจสอบการเข้าถึงของผู้ใช้ทุกไตรมาส โดยจะตรวจสอบบัญชีผู้ใช้ทุกบัญชีเพื่อพิจารณาว่าสิทธิ์การเข้าถึงนั้นเหมาะสมหรือไม่
- การเผยแพร่ข้อมูลซ้ำ: Google มีเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับตรวจสอบและแจ้งเตือนเป็นการภายในหากพบความคลาดเคลื่อนใดๆ ในรายงานข้อมูล บุคลากรของ Google จะตอบสนองต่อการแจ้งเตือนเหล่านี้เพื่อดำเนินการแก้ไขอย่างเหมาะสม ส่วนการเผยแพร่ซ้ำสำหรับข้อมูลที่มีขนาดใหญ่กว่าจะได้รับการจัดการเป็นกรณีๆ ไป
วิธีการแยกประเภทอุปกรณ์
Google จำแนกประเภทอุปกรณ์โดยใช้ทั้งข้อมูล SDK แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่และข้อมูล User Agent จากแหล่งที่มาภายในและภายนอก โดย Google ไม่ได้ใช้ข้อมูลจากบุคคลที่สามรายใดเพื่อช่วยจำแนก