คุณจะเก็บบันทึกข้อมูลที่มีการปรับแต่งได้ใน Ad Manager ด้วยการสร้างช่องที่กำหนดเองในที่ต่างๆ อย่างเช่นรายการโฆษณาหรือคำสั่งซื้อ ช่องที่กำหนดเองมีประโยชน์หากคุณต้องการให้คนในเครือข่าย Ad Manager ของคุณป้อนข้อมูลที่ไม่มีอยู่ใน Ad Manager โดยค่าเริ่มต้น จากนั้นข้อมูลนี้จะแสดงต่อผู้ใช้รายอื่นและรายงานได้ในภายหลัง
เช่น คุณอาจต้องการให้ผู้ดูแลการแสดงโฆษณาสร้างตัวระบุที่กำหนดเองซึ่งแสดงให้เห็นว่าทีมขายทีมใดทำงานกับรายการโฆษณาหนึ่งๆ จากนั้นคุณหรือบุคคลในองค์กรจะรายงานเกี่ยวกับค่าที่ระบุได้ในภายหลัง ช่องที่กำหนดเองใช้ได้กับคำสั่งซื้อ รายการโฆษณา ครีเอทีฟโฆษณา ข้อเสนอ และรายการโฆษณาข้อเสนอ
ในการสร้างช่องที่กำหนดเอง คุณจะต้องมีบทบาท "ผู้ดูแลระบบ" หรือบทบาทอื่นที่มีสิทธิ์คล้ายกัน ทุกคนที่มีสิทธิ์ใช้การรายงานของ Ad Manager จะรายงานเกี่ยวกับช่องที่กำหนดเองได้
เราจะอธิบายหัวข้อต่อไปนี้
สร้างและจัดการช่องที่กำหนดเอง
คุณจะต้องเลือกตำแหน่งที่ต้องการให้ช่องที่กำหนดเองปรากฏ และประเภทการป้อนข้อมูลหรือค่าที่จะใช้ในช่องที่กำหนดเอง เช่น ตัวเลข ข้อความ การสลับ (ใช่หรือไม่ใช่) หรือรายการแบบเลื่อนลงของค่าที่คุณกำหนด เมื่อใช้งานอยู่ ช่องที่กำหนดเองจะแสดงในแท็บ "การตั้งค่า" ของหน้าที่คุณต้องการให้ช่องปรากฏ
- ลงชื่อเข้าใช้ Google Ad Manager
- ไปที่ผู้ดูแลระบบ การตั้งค่าส่วนกลาง ช่องที่กำหนดเอง
- คลิกช่องที่กำหนดเองใหม่
- ป้อนชื่อช่องที่กำหนดเอง
- เลือกตำแหน่งสำหรับช่องที่กำหนดเอง ตำแหน่งคือประเภทออบเจ็กต์ที่คุณต้องการให้ช่องที่กำหนดเองปรากฏ คุณจะกำหนดช่องที่กำหนดเองได้สูงสุด 30 ช่องให้กับออบเจ็กต์แต่ละประเภท
- (ไม่บังคับ) ป้อนคำอธิบายของช่องที่กำหนดเอง
- กำหนดระดับการเข้าถึงให้ผู้ใช้ Ad Manager ช่องที่กำหนดเองทั้งหมดควรตั้งค่าเป็น "แก้ไขได้" เว้นแต่คุณจะมีกรณีพิเศษสำหรับแอปพลิเคชันของบุคคลที่สาม
- แก้ไขได้: ผู้ใช้แก้ไขและเปลี่ยนแปลงค่าได้
- อ่านอย่างเดียว: ผู้ใช้ดูได้ แต่จะแก้ไขช่องไม่ได้
- ซ่อน: ผู้ใช้ดูหรือแก้ไขไม่ได้
หากคุณเปลี่ยนแปลงระดับการเข้าถึง (คือเปลี่ยนจาก "แก้ไขได้" ไปเป็น "ซ่อน" หรือ "อ่านอย่างเดียว") ค่าที่ผู้ใช้ป้อนจะยังคงเหมือนเดิมและดูได้ในรายงาน
แอปพลิเคชันของบุคคลที่สาม และช่องที่กำหนดเองแบบอ่านอย่างเดียวหรือแบบซ่อน
โดยทั่วไปช่องที่กำหนดเองแบบอ่านอย่างเดียวหรือแบบซ่อนจะกำหนดผ่านทาง Ad Manager API โดยแอปพลิเคชันของบุคคลที่สาม ผู้ใช้แอปพลิเคชันของบุคคลที่สามเหล่านี้ต้องสร้างหรือแก้ไขออบเจ็กต์ใน Ad Manager และใส่ข้อมูลที่ไม่มีใน Ad Manager โดยค่าเริ่มต้น เช่น รหัสที่ช่วยในการระบุแคมเปญในแอปพลิเคชันของบุคคลที่สาม จากนั้นค่าของช่องที่กำหนดเองเหล่านี้จะปรากฏแก่ผู้ใช้ในอินเทอร์เฟซผู้ใช้ Ad Manager หรือในรายงาน โดยจะแก้ไขช่องที่กำหนดเองทั้งหมดได้ผ่าน API ไม่ว่าจะกำหนดการเข้าถึงไว้ระดับใดก็ตาม
- เลือกประเภทของช่องที่กำหนดเอง
- ตัวเลข: ค่าอาจเป็นตัวเลขใดก็ได้
- สลับ: ค่าคือใช่หรือไม่
- ข้อความ: ค่าอาจเป็นสตริงข้อความใดก็ได้
- รายการแบบเลื่อนลง: ค่าจะเลือกจากชุดของค่าที่คุณป้อน คุณจะเพิ่มค่าได้สูงสุด 300 ค่าเมื่อได้สร้างและบันทึกช่องที่กำหนดเองแล้ว
- หากช่องที่กำหนดเองแสดงอยู่ที่ "รายการโฆษณา" ให้เลือกว่าช่องที่กำหนดเองนี้จะปรากฏในข้อมูลรายการโฆษณาในคำสั่งซื้อพร้อมด้วยการสลับการ "แสดงในตาราง" หรือไม่
ข้อจำกัดเมื่อแก้ไขช่องที่กำหนดเอง
เมื่อสร้างช่องที่กำหนดเองแล้ว คุณจะทำการเปลี่ยนแปลงได้โดยมีข้อจำกัดบางอย่าง
รายการ | ข้อจำกัด |
---|---|
ตำแหน่งและประเภท | เมื่อบันทึกช่องที่กำหนดเองแล้ว จะเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและประเภทไม่ได้ |
ช่องที่กำหนดเองแบบเลื่อนลง |
หากสร้างตัวเลือกสำหรับช่องที่กำหนดเองแบบเลื่อนลงแล้ว คุณจะเปลี่ยนแปลงช่องที่กำหนดเองไปเป็นประเภทอื่นไม่ได้ หากคุณเปลี่ยนแปลงตัวเลือกแบบเลื่อนลง ผลของการเปลี่ยนแปลงจะแสดงให้เห็นทั่วทั้ง Ad Manager รวมถึงรายงานของวันที่ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ |
การเปลี่ยนแปลงระดับการเข้าถึง | หากคุณเปลี่ยนช่องที่กำหนดเองไปเป็นแบบ "อ่านอย่างเดียว" หรือ "ซ่อน" ค่าใดๆ ที่ได้ตั้งไว้ก่อนหน้านี้จะคงอยู่เหมือนเดิม หากคุณเปลี่ยนช่องที่กำหนดเองกลับไปเป็นระดับการเข้าถึงที่มองเห็นได้ คุณจะเห็นค่าที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้อีกครั้งได้ |
รายงานเกี่ยวกับช่องที่กำหนดเอง
คุณอาจเห็นช่องที่กำหนดเองแสดงเป็นแอตทริบิวต์การรายงานสำหรับมิติข้อมูลที่แสดงให้เห็นตำแหน่งของช่องได้ เช่น หากสร้างช่องที่กำหนดเองชื่อ "รหัสรายงาน TSP" สำหรับรายการโฆษณา คุณจะเห็นว่าช่องดังกล่าวเป็นแอตทริบิวต์ในมิติข้อมูลรายการโฆษณาได้ในภายหลัง
คุณเลือกแอตทริบิวต์ช่องที่กำหนดเองได้สูงสุด 15 รายการต่อมิติข้อมูล
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการ
ใช้ข้อมูล API เพื่อดึงรายงานด้วยช่องที่กำหนดเอง
- สำหรับรายงานจะมีช่องรหัสใน
ReportQuery
- สำหรับเอนทิตีจะมีช่อง
customFieldValues
ในเอนทิตีทั้งหมดที่รองรับช่องที่กำหนดเอง